ภาพรวม
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อกระบวนการทำงานของร่างกายที่เหมาะสม แมกนีเซียมช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง, รักษาความดันโลหิตให้คงที่ และยังช่วยรักษาจังหวะการเต้นของหัวใจและการทำงานของระบบประสาท อาการแมกนีเซียมต่ำคือ อาการเหนื่อยล้า ไม่อยากอาหาร อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดขมับ กล้ามเนื้อเป็นตะคริว รู้สึกเสียวซ่า และกล้ามเนื้อมีการหดตัว
ภาวะแมกนีเซียมต่ำมีส่วนเกี่ยวกับอาการปวดศีรษะและโรคไมเกรน พบว่าคนส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยแล้วไม่ได้รับแมกนีเซียมที่เพียงพอจากการบริโภคอาหาร จากการ
ชนิดของแมกนีเซียม
ชนิดของแมกนีเซียมมีหลายชนิด ซึ่งบางครั้งในแต่ละชนิดอาจนำมาใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วยที่แตกต่างกันออกไป แมกนีเซียมยากที่จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายหากปราศจากสสารตัวอื่นเป็นตัวนำพา เพราะเหตุนี้เองการรับประทานแมกนีเซียมจึงควรต้องทานร่วมกับสารอาหารตัวอื่น เช่นกรดอะมิโน
ชนิดของแมกนีเซียมทั่วๆไปที่ถูกนำมาใช้เป็นอาหารเสริม คือ:
● แมกนีเซียมออกไซด์ มีส่วนประกอบของแมกนีเซียมที่มีระดับสูงและมักถูกนำมาใช้เพื่อรักษาอาการไมเกรน
● แมกนีเซียมซัลเฟต เป็นแมกนีเซียมซึ่งมาในรูปแบบของสารอนินทรีย์ และเป็นอาหารเสริมที่ปริมาณน้อยที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้
● แมกนีเซียม คาร์บอเนต มีระดับแมกนีเซียมที่สูงขึ้นเล็กน้อยและมีแนวโน้มจะเป็นสาเหตุของอาการไม่สบายของระบบทางเดินอาหาร
● แมกนีเซียมคลอไรด์ สามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้ง่าย
● แมกนีเซียมซิเตรท มีปริมาณใหญ่ที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ มักนำมาใช้เพื่อการขับถ่าย
แมกนีเซียมและไมเกรน
จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนที่เป็นโรคไมเกรนมักมระดับของแมกนีเซียมต่ำกว่ากว่าคนทั่วไป จากการศึกษาหนึ่งพบว่าการรับประทานแมกนีเซียมเป็นประจำสามารถลดความถี่ในการเกิดอาการไมเกรนลงได้ถึง 41.6 เปอร์เซ็นต์ จากการวิจัยอื่นแสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารเสริมแมกนีเซียมเป็นประจำทุกวันช่วยป้องกันการปวดศีรษะจากการมีประจำเดือนได้อย่างมีประสิทธิผล
แมกนีเซียมออกไซด์มักถูกนำมาใช้ในการป้องกันโรคไมเกรนบ่อยๆ คุณสามารถเลือกรับประทานในรูปแบบเม็ด ปริมาณที่ให้คำแนะนำไว้คือ 400 ถึง 500 มิลลิกรัมต่อวัน แมกนีเซียมสามารถฉีดเข้าเส้นเลือดดำในรูปแบบของแมกนีเซียมซัลเฟตได้
เพราะว่าแมกนีเซียมคือแร่ธาตุตามธรรมชาติและมีความจำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกาย และยังมีความปลอดภัยในการรักษาอาการปวดหัวไมเกรน ที่อาจจะมีผลอื่น ๆ ทำให้ปวดตา ตาพร่ามัว ปวดขมับหรือปวดหัวข้างเดียว ทานยาแก้ปวดหัวทั่วไปจะไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการรักษาไมเกรนด้วยยารักษาไมเกรน ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงที่รุนแรงได้มากกว่า
ผลข้างเคียงของแมกนีเซียม
แมกนีเซียมถือว่ามีความปลอดภัยสำหรับการรับประทาน แต่การรับประทานก็อาจส่งผลข้างเคียงได้ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยๆคืออาการปวดท้องเกร็ง อาเจียนและท้องเสีย หากมีอาการดังกล่าว ให้ลองลดปริมาณแมกนีเซียมลงเพื่อบรรเทาอาการ
ผลข้างเคียงอีกหนึ่งอย่างที่พบได้บ่อยเช่นกันคือระดับความดันโลหิตต่ำ หากคุณมีภาวะความดันโลหิตต่ำอยู่ก่อนแล้ว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานแมกนีเซียม
การรับประทานแมกนีเซียมมากเกินไปสามารถก่อให้เกิดการสะสมที่เป็นอันตราย เป็นผลให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น:
● หัวใจเต้นผิดปกติ
● ระดับความดันเลือดต่ำที่ไม่ปลอดภัย
● การหายใจช้า
● มีภาวะโคม่า
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการรับประทานแมกนีเซียมเพื่อสอบถามปริมาณการใช้ยาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
อาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม
สำหรับคนที่ไม่ต้องการรับประทานอาหารเสริม อาหารตามธรรมชาติบางชนิดมีแมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบ
ผักใบเขียวเข้มเช่นผักโขมและสวิสชาร์ดคือสุดยอดอาหารที่ดีที่สุดที่ควรรับประทาน ผัก 1 ถ้วยมีแมกนีเซียม 38 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ตามคำแนะนำในการรับประทนต่อวัน
อาหารอื่นๆที่มีแมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบ เช่น:
● เมล็ดพืช เช่นฟักทองหรือเมล็ดฟักทอง
● อัลมอนด์
● ปลาแมกเคลเรล, ทูน่าและปลาพอลลอค
● โยเกิร์ตไขมันต่ำหรือคีเฟอร์
● ถั่วดำหรือถั่วเลนทิล
● อะโวคาโด
● มะเดื่อ
● กล้วย
● ดาร์คช็อกโกแลต
ในขณะที่อาหารเสริมเป็นตัวมาช่วยเสริมเพิ่มพลัง แต่การได้รับแมกนีเซียมจากอาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียมคือสิ่งที่ดีที่สุด
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
คนที่ไม่ควรรับประทานแมกนีเซียม โดยเฉพาะคนที่มีภาวะโรคอยู่ก่อนแล้ว เช่น:
● โรคเลือดออก ทำให้การแข็งตัวของเลือดช้า
● โรคเบาหวาน การควบคุมโรคเบาหวานที่ไม่ดีส่งผลให้เกิดการสะสมแมกนีเซียมในร่างกาย
● ภาวะสัญญานไฟฟ้าหัวใจถูกขัดขวาง
● มีปัญหาเกี่ยวกับไต รวมถึงไตวาย
หากมีภาวะเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารเช่น โรคลำไส้อักเสบหรือโรคติดเชื้อในกระเพาะอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานแมกนีเซียม โรคดังกล่าวสามารถส่งผลต่อการดูดซึมแมกนีเซียมของร่างกาย
แมกนีเซียมอาจก่อปฏิกิริยากับยารักษาโรคบางชนิด เช่น:
● ยาปฏิชีวนะ
● ยาขับปัสสาวะหรือยาขับน้ำ
● ยาคลายกล้ามเนื้อ
● ยารักษาโรคหัวใจ
หากคุณกำลังตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานแมกนีเซียม สำหรับหญิงตั้งครรภ์ปริมาณแมกซเซียมออกไซด์ในรูปแบบเม็ดที่รับประทานแล้วที่มีความปลอดภัยคือ 350 ถึง 400 มิลลิกรัมต่อวัน การได้รับแมกนีเซียมซัลเฟตทางหลอดเลือดดำไม่มีความปลอดภัย ส่งผลทำให้กระดูกของทารกบาง
ประเด็นสำคัญ
เมื่อมีการรับประทานแมกนีเซียมในปริมาณที่พอเหมาะ สามารถช่วยป้องกันโรคไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะแมกนีเซียมส่งผลข้างเคียงน้อยกว่ายารักษาไมเกรนที่แพทย์สั่ง จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
หากคุณเพิ่งเคยมีอาการไมเกรนครั้งแรก หรือหรือไมเกรนเริ่มมีความรุนแรงหรือเป็นบ่อยมากขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ แพทย์จะช่วยประเมินปริมาณแมกนีเซียมที่ควรรับประทานเพื่อเป็นการดูแลและรักษา
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
● https://www.nhs.uk/conditions/migraine/
● https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/migraine-headache/symptoms-causes/syc-20360201
● https://www.webmd.com/migraines-headaches/migraines-headaches-migraines
● https://medlineplus.gov/migraine.html