ไมเกรนคือ

ไมเกรนขึ้นตา

 

ไมเกรนขึ้นตา ไม่เพียงส่งผลให้เกิดอาการปวดตาเท่านั้น แต่อาจจะทำให้สูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเกิดขึ้นกับดวงตาเพียงข้างเดียว โดยอาการจะเกิดน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง  และมักเกิดก่อนหรือพร้อมกับการปวดไมเกรน พร้อมกับอาการปวดหัวข้างเดียว อาจจะมีการปวดสลับข้างไปมา แต่ถึงอย่างไรอาการไมเกรนขึ้นตา หรือ Ocular Migraine นี้พบน้อยมาก จากการวิจัยพบว่าในหลายกรณีเกิดจากปัญหาอื่น

การปวดไมเกรนธรรมดาอาจมีปัญหาทางการมองเห็น (Aura) เช่นมีแสงแวบและมีจุดบอดในตา ตามัว แต่มักเกิดขึ้นกับดวงตาทั้งสองข้าง

 

หากคุณมีอาการไมเกรนขึ้นตา ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยแยกจากโรคอื่นที่มีอาการคล้ายกัน ควรอธิบายอาการให้ละเอียดเพื่อแพทย์จะได้วินิจฉัยได้ถูกต้อง

อาการไมเกรนขึ้นตา

อาการเตือนเช่น:

ปัญหาทางการมองเห็น จะเกิดขึ้นกับดวงตาเพียงข้างเดียว โดยทั่วไปอาการจะเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่เกิน 60 นาที

บางครั้งการอาจยากที่จะแยกแยะระหว่าง Ocular Migraine กับอาการปวดแบบ Aura แสงแวบหรือจุดบอดอาจเกิดที่ส่วนหนึ่งในตาแต่เกิดทั้งสองตา หากไม่แน่ใจให้ลองปิดตาทีละข้างดู

ไมเกรนขึ้นตาจะมีอาการปวดศีรษะนาน 4-72 ชั่วโมง และ

●    ปวดศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง

●    ปวดปานกลางถึงมาก

●    ปวดตุบๆเป็นจังหวะ

●    ปวดมากขึ้นหากมีการเคลื่อนไหว

●    ปวดขมับ

อาการอื่นๆเช่น

●     คลื่นไส้

●    อาเจียน

●    ไวต่อแสง สีผิดปกติ

สาเหตุของอาการปวดไมเกรนขึ้นตา

ผู้เชี่ยวชาญเองยังไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้เกิดไมเกรนขึ้นตา แต่จากการวิเคราะห์ปัญหาน่าจะเกี่ยวกับ:

●     การหดเกร็งของเส้นเลือดในจอตาที่อยู่ด้านหลังของลูกตา

●    การเปลี่ยนแปลงที่เซลล์ประสาทในเรตินา

อาการนี้พบได้น้อยมาก แต่ผู้ที่เป็นไมเกรนชนิดนี้อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียการมองเห็นที่ตาข้างนั้น ผู้เชี่ยวชาญเองยังไม่แน่ใจว่ายาที่ป้องกันไมเกรน เช่นยาต้านเศร้าหรือยากันชัก จะช่วยป้องกันการสูญเสียการมองเห็นได้หรือไม่ แต่หากคุณมีอาการนี้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที

วินิจฉัยอย่างไร

แพทย์จะถามอาการและตรวจตา เพื่อจะแยกจากโรคอื่นๆที่มีอาการคล้ายกัน เช่น

●    Amaurosis fugax  อาการตาบอดชั่วคราวเนื่องจากการขาดเลือดไปเลี้ยงลูกตา เพราะเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงลูกตาอุดตัน

●    การหดตัวของเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงลูกตา

●    Giant cell arteritis,เกิดการอักเสบในเส้นเลือดทำให้มีปัญหาการมองเห็นและตาบอด

●    ปัญหาของเส้นเลือดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคภูมิคุ้มกันต้านตนเอง

●    การใช้ยาเสพติด

●    ภาวะที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัวตามปกติ เช่นโรคเม็ดเลือดรูปเคียว และเลือดข้น(มีเม็ดเลือดแดงมากเกินไป)

●    เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก

การรักษา

ปัญหาทางการมองเห็นมักไม่เกิดนานเกิน 60 นาที จึงไม่ต้องรักษา หากมีอาการ ให้หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่และหลับตาจนกว่าจะเป็นปกติ หากปวดศีรษะ กินยาแก้ปวดที่แพทย์สั่งได้

หากมีอาการตาบอดข้างเดียว อาจเป็นอาการของโรครุนแรงชนิดอื่น  ซึ่งไม่เกี่ยวกับไมเกรน ควรไปพบแพทย์ด่วน

การศึกษาเกี่ยวกับการรักษาหรือป้องกันไมเกรนขึ้นตามีน้อยมาก แพทย์อาจให้ยาดังนี้:

●    ยากันชัก เช่น valproic acid (Depakote, Depakene) หรือ topiramate (Qudexy XR, Topamax, Trokendi XR)

●    ยาต้านเศร้าชนิดTricyclic เช่น amitriptyline (Elavil), nortriptyline (Pamelor),หรือ venlafaxine (Effexor)

●    ยาลดความดัน เช่น metoprolol (Lopressor) หรือ propranolol (Inderal), และ calcium-channel blockers เช่น nicardipine (Cardene) และ verapamil (Calan)

●    CGRP inhibitors,รวมทั้ง eptinezumab (Vyepti), erenumab (Aimovig), fremanezumab (Ajovy), galcanezumab (Emgality)

ป้องกันไมเกรนขึ้นตา

หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นเช่น:

●    ความเครียด

●    การสูบบุหรี่

●    ความดันโลหิตสูง

●    ยาคุมกำเนิด

●    การออกกำลังกาย

●    การก้มตัวเร็วๆ

●    อยู่บนที่สูง

●    การขาดน้ำ

●    นำ้ตาลในเลือดต่ำ

●    อยู่ในที่ความร้อนสูง

แม้ว่าอาหารที่กระตุ้น เช่น คาเฟอีน,แอลกอฮอล์และสารให้ความหวานเทียม อาจทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนชนิดอื่นๆ แต่มักไม่มีผลกระตุ้นไมเกรนชนิดนี้

หากการรักษาไม่ได้ผล และคุณปวดไมเกรนสี่วันหรือมากกว่าต่อเดือน แพทย์อาจให้ยาป้องกัน คุณควรกินยาสม่ำเสมอเพื่อลดความถี่และความรุนแรงของการปวด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *