ไมเกรนขึ้นตา ไม่เพียงส่งผลให้เกิดอาการปวดตาเท่านั้น แต่อาจจะทำให้สูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเกิดขึ้นกับดวงตาเพียงข้างเดียว โดยอาการจะเกิดน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง  และมักเกิดก่อนหรือพร้อมกับการปวดไมเกรน พร้อมกับอาการปวดหัวข้างเดียว อาจจะมีการปวดสลับข้างไปมา แต่ถึงอย่างไรอาการไมเกรนขึ้นตา หรือ Ocular Migraine นี้พบน้อยมาก จากการวิจัยพบว่าในหลายกรณีเกิดจากปัญหาอื่น การปวดไมเกรนธรรมดาอาจมีปัญหาทางการมองเห็น (Aura) เช่นมีแสงแวบและมีจุดบอดในตา ตามัว แต่มักเกิดขึ้นกับดวงตาทั้งสองข้าง   หากคุณมีอาการไมเกรนขึ้นตา ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยแยกจากโรคอื่นที่มีอาการคล้ายกัน ควรอธิบายอาการให้ละเอียดเพื่อแพทย์จะได้วินิจฉัยได้ถูกต้อง อาการไมเกรนขึ้นตา อาการเตือนเช่น: ปัญหาทางการมองเห็น จะเกิดขึ้นกับดวงตาเพียงข้างเดียว โดยทั่วไปอาการจะเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่เกิน 60 นาที บางครั้งการอาจยากที่จะแยกแยะระหว่าง Ocular Migraine กับอาการปวดแบบ Aura แสงแวบหรือจุดบอดอาจเกิดที่ส่วนหนึ่งในตาแต่เกิดทั้งสองตา หากไม่แน่ใจให้ลองปิดตาทีละข้างดู ไมเกรนขึ้นตาจะมีอาการปวดศีรษะนาน 4-72 ชั่วโมง และ ●    ปวดศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง ●    ปวดปานกลางถึงมาก ●    ปวดตุบๆเป็นจังหวะ ●    ปวดมากขึ้นหากมีการเคลื่อนไหว ●    ปวดขมับ อาการอื่นๆเช่น ●     …

งานวิจัยใหม่พบว่าอาการปวดศีรษะไมเกรนโดยเฉพาะแบบที่มีอาการเตือน (Aura) มีความเกี่ยวข้องกับโรคพาร์กินสันและกลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุขในบางคน จากวิจัยพบว่าคนวัยกลางคนที่มีปัญหาปวดศีรษะไมเกรนอาจมีโอกาสเกิดโรคพาร์กินสันหรือกลุ่มอาการร่างกายเคลื่อนไหวผิดปกติได้เมื่ออายุมากขึ้น ผู้ที่มีไมเกรนและออร่าทางสายตาด้วยจะมีความเสี่ยงเพิ่มเป็นสองเท่า "ไมเกรนคืออาการปวดหัวข้าวเดียว เป็นภาวะผิดปกติทางสมองที่พบได้บ่อยในทั้งเพศชายและเพศหญิง" ผู้ทำวิจัย Ann Scher, Ph.D. เธอบอกว่างานวิจัยอื่นพบว่าไมเกรนมีความเกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ “ความเกี่ยวข้องนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องทำวิจัยเพิ่มเพื่อจะเข้าใจ ป้องกันและรักษาอาการนี้” งานวิจัยติดตามคน 5,620คน ระหว่างช่วงอายุ 33ถึง 65 ปี เป็นเวลา 25 ปี ตอนเริ่มวิจัย ผู้เข้าร่วม 3,924 คนไม่มีอาการปวดศีรษะ 1,028 คนมีอาการปวดศีรษะแต่ไม่มีอาการของไมเกรน 238 คนมีอาการไมเกรนแบบไม่มีอาการเตือน และ 430 คนมีไมเกรนแบบมีอาการเตือน นักวิจัยต้องการที่จะตรวจสอบว่าภายหลังจะมีผู้ใดแสดงอาการโรคพาร์กินสันหรือกลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข(Willis-Ekbom disease) ผู้ที่มีอาการปวดหัวไมเกรนแบบมีอาการเตือนมีโอกาสที่จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคพาร์กินสัน มากกว่าผู้ที่ไม่มีอาการปวดศีรษะถึงสองเท่า ที่จริงแล้ว 2.4% ของผู้ที่มีอาการไมเกรนแบบมีอาการเตือนเกิดโรคพาร์กินสัน ในขณะที่ 1.1% เป็นผู้ที่ไม่มีไมเกรน ผู้ที่มีอาการไมเกรนแบบมีอาการเตือนมีโอกาสถึง 3.6 เท่าในการเกิดอาการของโรคพาร์กินสันอย่างน้อยสี่อาการ ผู้ที่มีอาการไมเกรนแบบไม่มีอาการเตือนมีโอกาส 2.3 เท่าในการแสดงอาการรวมถึงอาการสั่นและพูดลำบาก และมีอาการปวดตาร่วมด้วย นักวิจัยกล่าวว่าผู้หญิงที่มีอาการไมเกรนแบบมีอาการเตือนจะมีประวัติครอบครัวเป็นโรคพาร์กินสันในครอบครัวมากกว่าผู้ที่ไม่มีอาการปวดศีรษะเลย นักวิจัยไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้เกิดไมเกรน Ann Scher, …

  การได้ติดต่อกับคนอื่นที่มีประสบการณ์คล้ายๆกัน ทำให้รู้สึกดีขึ้นเมื่อคุณกำลังต่อสู้กับอาการเรื้อรังเช่น อาการปวดหัวไมเกรน อินเตอร์เน็ตช่วยหาชุมชนที่สามารถช่วยเหลือได้ จากงานวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาพฤติกรรม 91% ของผู้เข้าร่วมบอกว่าชุมชนออนไลน์มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของเขา พวกเขาจะโพสต์ในโลกโซเชี่ยลเกี่ยวกับประสบการณ์ทางสุขภาพหรือคุยกับบางคนเกี่ยวกับประสบการณ์ส่วนตัวของเขา ผู้เข้าร่วมใช้อินเตอร์เน็ตในการหาข้อมูล อ่านและเขียนประสบการณ์ของตนเอง ผลจากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเฟซบุ๊คเป็นแหล่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการพูดถึงเรื่องสุขภาพ 87% ของผู้เข้าร่วมบอกว่า เขาแชร์ข้อมูลสุขภาพผ่านโพสต์เฟซบุ๊ค และอีก 81%แชร์ผ่านข้อความเฟซบุ๊ค มีกลุ่มศัลยแพทย์สร้างเฟซบุ๊คเพื่อคนที่เคยได้รับการเปลี่ยนถ่ายตับและ 95%บอกว่าได้รับประสบการณ์ที่ดี หาชุมชนผ่านโลกโซเชี่ยล Sarah Rathsack ผู้เคยใช้ชีวิตร่วมกับอาการไมเกรนเรื้อรังมามากกว่าสิบปี เธอเขียนบล็อกเกี่ยวกับประสบการณ์ของเธอผ่าน My Migraine Life เธอบอกว่าโลกโซเชี่ยลให้โอกาสได้ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น “ฉันมีคนที่ช่วยเหลือฉันได้และกลุ่มคนที่รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร มีคนมาแสดงความคิดเห็นในบล็อกของฉันและสร้างแรงบันดาลใจให้ฉันเล่าต่อเรื่องราวของฉันเพราะมันทำให้คนอื่นเข้าใจและสามารถเล่าเรื่องของเขาเช่นกัน ฉันเข้าร่วมกลุ่มในเฟซบุ๊ค ตามแฮชแท็กที่ฉันสนใจและติดตามผู้อื่นที่ต่อสู้กับอาการไมเกรน” ตอนที่ Mike Canadic เริ่มสร้างบล็อก Migraine Professional นั้น เขาตั้งเป้าหมายที่จะใช้โลกโซเชี่ยลเพื่อเป็นสถานที่ให้ผู้ที่เป็นไมเกรนติดต่อสื่อสารกัน “ฉันได้สร้างชุมชน Migraine Professional ในเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม Pinterest และผ่านบล็อกมันเป็นแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจจากผู้ที่ต่อสู้กับไมเกรน เพื่อให้ร่างกายและสมองดีขึ้น” Mike Canadic กล่าว Healthline Migraine App ช่วยได้อย่างไร …

การปวดศีรษะหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน โดยส่วนใหญ่ผู้หญิงมักปวดไมเกรนก่อนมีประจำเดือนราวสองวันจนถึงวันที่สามของประจำเดือน แต่สิ่งอื่นๆที่ทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงก็ทำให้ปวดศีรษะได้ ความปวดจะมากขึ้นในช่วงมีประจำเดือน สาเหตุของอาการปวดศรีษะไมเกรน ยาคุมกำเนิด:ยาเม็ดคุมกำเนิดอาจทำให้การปวดไมเกรนมีอาการแย่ขึ้น หรือดีขึ้น แตกต่างกันในแต่ละคน ยาคุมกำเนิดควบคุมปริมาณฮอร์โมนให้คงที่สามสัปดาห์ในหนึ่งเดือน แต่ในขณะที่คุณกินยาหลอกในช่วงมีประจำเดือน เอสโตรเจนจะสูงและคุณอาจปวดหัวตุบๆ รวมถึงอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย หากคุณมีอาการแบบนี้ ควรกินยาคุมชนิดเอสโตรเจนต่ำหรือมีโปรเจสตินเพียงอย่างเดียวจะดีกว่า ฮอร์โมนทดแทน: ที่ใช้กับหญิงวัยหมดประจำเดือนเพื่อควบคุมระดับฮอร์โมน อาจทำให้ปวดศีรษะได้ การใช้เอสโตรเจนแบบแปะที่ผิวหนังช่วยลดอาการปวดศีรษะได้ดีกว่าเอสโตรเจนชนิดอื่นเพราะมันจะค่อยๆปล่อยฮอร์โมนปริมาณต่ำๆ ออกมาสม่ำเสมอ วัยหมดประจำเดือน: เมื่อหมดประจำเดือน คุณอาจปวดไมเกรนน้อยลง หากคุณได้รับเอสโตรเจนทดแทนและปวดไมเกรนมากขึ้น แพทย์อาจลดปริมาณ หรือหยุดหรือเปลี่ยนชนิดของฮอร์โมน เช่นเดียวกันในกรณีนี้แผ่นเอสโตรเจนแปะผิวหนังเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หากยังต้องการฮอร์โมนทดแทนอยู่ ซึ่งจะทำให้ระดับเอสโตรเจนคงที่ และไม่เกิดการปวดไมเกรนจากประจำเดือน แต่บางคนสังเกตว่าขณะที่ไมเกรนดีขึ้น แต่กลับไปปวดศีรษะจากความเครียดแทน การมีประจำเดือน:ทำไมจึงมักปวดไมเกรนในช่วงมีประจำเดือน คุณอาจไม่คิดว่ามันเกี่ยวข้องกัน แต่60%ของผู้หญิงที่เป็นไมเกรนมีอาการปวดที่เรียกว่าปวดไมเกรนเมื่อมีประจำเดือน ก่อนจะมีประจำเดือนระดับของเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน (ฮอร์โมนเพศหญิงสองชนิด)ในร่างกายจะลดลง การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ปวดศีรษะ วัยก่อนหมดประจำเดือน:ในช่วงก่อนจะหมดประจำเดือน ระดับเอสโตรเจนจะขึ้นๆลงๆ ในช่วงเวลานี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะปวดศีรษะทั้งจากความเครียดและไมเกรน การตั้งครรภ์:ในช่วงไตรมาสแรก เอสโตรเจนจะขึ้นสูงเร็วมาก และจะคงระดับนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงรู้สึกว่าไมเกรนดีขึ้นหรือหายไปเมื่อตั้งครรภ์ได้สามเดือน หากยังปวดศีรษะอยู่ อย่ากินยาเอง ยาแก้ไมเกรนส่วนใหญ่ไม่ดีต่อทารก ยาทั่วไปเช่น พาราเซตามอลใช้ได้ปลอดภัย แต่ควรปรึกษากับแพทย์ก่อน   อาการ ไมเกรนจากประจำเดือนก็เหมือนกับการปวดไมเกรนทั่วไป คุณอาจจะ: …

เป็นไมเกรนชนิดที่มีอาการเตือนแต่ไม่มีอาการปวดศีรษะ อาการของไมเกรนที่ไม่แสดงอาการ การเกิดไมเกรนมีสี่ระยะ ไมเกรนเงียบจะไม่มีระยะเตือน(prodrome) ระยะ aura(อาการทางสายตา) และระยะ postdrome คืออาการหลังจากการปวดศีรษะ ไมเกรนเงียบจะไม่มีอาการปวดศีรษะ ซึ่งเป็นอาการเด่นของโรคไมเกรนชนิดอื่น ๆ ทุกชนิด ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เป็นไมเกรนเงียบจึงไม่มีอาการปวดหัวข้างเดียวเหมือนไมเกรนชนิดอื่น และไม่มีอาการเช่น ไวต่อแสง เสียงและกลิ่นในขณะที่ไมเกรนขึ้นสูงสุดเหมือนไมเกรนชนิดอื่นๆด้วย แม้ว่าจะไม่มีอาการปวดศีรษะ แต่ไมเกรนเงียบรบกวนการทำกิจวัตรประจำวันอย่างมาก การรบกวนการมองเห็นแบบ half-moon คือ ภาพหายไปครึ่งหนึ่งทั้งสองตา การมองเห็นสีผิดไป และปัญหาการมองเห็นอื่นๆ ทั้งหมดนี้ พบบ่อยมากในไมเกรนเงียบ ไมเกรนเงียบมักเกิดนาน 15-30 นาที แต่ไม่เกิน 60 นาที อาจมีการเกิดซ้ำหรือเกิดครั้งเดียวแล้วหายไปก็ได้ สาเหตุของโรคไมเกรน เช่นเดียวกับโรคไมเกรนชนิดอื่นๆ สาเหตุที่ทำให้เกิดไมเกรนเงียบก็ยังไม่เป็นที่เข้าใจถ่องแท้นัก ตัวกระตุ้นให้เกิดไมเกรนเงียบก็เหมือนกับของการปวดศีรษะแบบอื่นๆ รวมทั้งการอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง นอนน้อย อาหารหรือแสงบางชนิด เหนือสิ่งอื่นใดคือความเครียด ผู้มี่อายุเกิน 50 ปี มักมีอาการไมเกรนเงียบ และอาการนี้ยังเกิดได้ทั้งในคนที่เคยเป็นไมเกรนแบบปกติหรือเกิดขึ้นกับคนที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ได้ เมื่อเกิดไมเกรนเงียบในผู้สูงอายุที่เคยเป็นไมเกรนมาก่อน จะพบว่าอาการ เช่น คลื่นไส้ อาเจียนและความไวต่อเสียงและแสง ตาพร่ามัว ดูจะลดลงไปตามอาการปวดศีรษะ …

ชนิดของการปวดศีรษะ พวกเราส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดีกับความรู้สึกปวดตุบๆ น่ารำคาญและกวนใจเรา นั่นคือการปวดศีรษะ ซึ่งมีหลายชนิด บทความนี้จะกล่าวถึงการปวดศีรษะ 10 แบบ คือ ●     ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ ●     ปวดศีรษะไมเกรน ●     ปวดศีรษะจากการแพ้หรือไซนัส ●     ปวดศีรษะจากฮอร์โมน ●     ปวดศีรษะจากคาเฟอีน ●     ปวดศีรษะจากการออกกำลังกาย ●     ปวดศีรษะจากความดันโลหิตสูง ●     ปวดศีรษะจากใช้ยาเกิน ●     ปวดศีรษะจากการกระทบกระเทือนของสมอง ●      ปวดศีรษะจากความเครียด ในบางกรณี การปวดศีรษะที่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยบางประการอาจต้องการการรักษาทันที ควรรีบไปพบแพทย์หากท่านมีอาการดังต่อไปนี้: ●     คอแข็ง ●     มีผื่น ●     ปวดศีรษะมากผิดปกติ ●     คลื่นไส้ อาเจียน ●     สับสน ●     พูดช้า ●     มีไข้สูง 38 องศาหรือมากกว่า ●     อัมพาตที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือจู่ๆก็มองไม่เห็น ●     …

นำ้มันหอมระเหยคือของเหลวเข้มข้นทำจากใบไม้ กิ่งไม้ ดอกไม้ เปลือกไม้รากและส่วนต่างๆของพืช สุคนธบำบัด(การบำบัดด้วยกลิ่นหอม)มักต้องใช้น้ำมันหอมระเหยที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ เช่น ช่วยลดความเครียดและช่วยให้เลือดไหลเวียนดี จากกลิ่นหอม น้ำมันหอมระเหยยังช่วยรักษาอาการปวดศีรษะหรือไมเกรน น้ำมันแต่ละชนิดมีผลดีต่างกัน และมักไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยา น้ำมันหอมระเหยบางชนิดช่วยลดความเครียด ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหัว ไมเกรนได้ น้ำมันหอมระเหย ต้องนำมาเจือจางในน้ำมัน เช่นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก นำ้มันอัลมอนด์หวาน หรือนำ้มันโจโจบา ก่อนนำมาใช้ โดยหยดน้ำมันหอมระเหย 5 หยดลงในน้ำมัน 30 ซีซี ห้ามกินน้ำมันหอมระเหยหรือหยดบนผิวหนังโดยตรง หลายคนมีอาการปวดหัวหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวท้ายทอย ปวดไมเกรน ปวดขมับ อาการแบบนี้มักทำให้รู้สึกหงุดหงิด และไม่ชอบทางเลือกที่เป็นยาแก้ปวดหัวที่มาจากสารเคมี ทางเลือกธรรมชาติและน้ำมันหอมระเหยเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน 1.              นำ้มันเปปเปอร์มินต์ เป็นน้ำมันหอมระเหยที่ใช้กันทั่วไปสำหรับการรักษาอาการปวดศีรษะและไมเกรน นำ้มันนี้มีเมนทอลที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดปวด เชื่อกันว่า การทาน้ำมันเปปเปอร์มินต์เจือจาง ช่วยลดความเจ็บปวดจากการปวดศีรษะจากความเครียดและไมเกรน วิธีใช้ เจือจางเปปเปอร์มินต์ในนำ้มัน เช่น นำ้มันมะพร้าวและทาที่ขมับ 2. นำ้มันโรสแมรี นำ้มันโรสแมรี มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวด ใช้เป็นยากลางบ้านมาเป็นร้อยปี เพื่อลดความเครียด ลดความเจ็บปวด และเพิ่มการไหลเวียนเลือด ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยลดอาการปวดศีรษะ …